ในช่วงเวลาล่าสุด ราคาทองคำในตลาดนิวยอร์กได้ปรับตัวลดลง 9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าสูงขึ้น การลงทุนในทองคำที่มีการซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์จะมีราคาแพงขึ้น ทำให้นักลงทุนหันไปถือเงินสดหรือสินทรัพย์อื่นที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ยังทำให้ทองคำสูญเสียความน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังได้รับผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในหุ้นแทนการลงทุนในทองคำ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลสหรัฐฯ
ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อราคาทองคำในอนาคตได้แก่ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศใหญ่ๆ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) และการประกาศดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ดัชนีการว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค
นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อไป หากเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในทางเศรษฐกิจหรือการเมือง ราคาทองคำอาจกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำนิวไฮในช่วงเวลาที่ราคาทองคำลดลง เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนถึงปัจจัยหลายประการที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดหุ้น หนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติใหม่คือผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทใหญ่ๆ บริษัทที่เป็นผู้นำตลาด เช่น Apple, Amazon และ Microsoft มีรายงานผลกำไรที่สูงขึ้นในไตรมาสล่าสุด ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
นอกจากนั้น การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ Fed ได้ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยและการซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งทำให้สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงมีแนวโน้มที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น หุ้น แทนที่จะถือครองทองคำที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
การกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทำนิวไฮ รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายชุด รวมถึงการแจกจ่ายเงินสดให้ประชาชนและการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งช่วยให้กำลังซื้อของประชาชนและกำไรของบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้น ผลักดันให้ตลาดหุ้นขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและราคาทองคำ จะเห็นได้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่สำคัญ เมื่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสูง นักลงทุนมักจะย้ายเงินทุนจากทองคำไปยังหุ้น ทำให้ราคาทองคำลดลง ในทางกลับกัน เมื่อความเสี่ยงในเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น นักลงทุนจะกลับมาถือครองทองคำมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น การเข้าใจความสัมพันธ์นี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจในการจัดการพอร์ตลงทุนได้ดีขึ้น
